ช่างไก่ รับจ้างตัดต้นไม้ รับจ้างเคลียร์พื้นที่

รับจ้างตัดต้นไม้ตัดหญ้า เคลียร์พื้นที่รกร้าง ดำเนินการโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ประเมินราคาก่อนเริ่มงาน มีอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย เหมาะสำหรับตัดต้นไม้ที่มีความสูงมากๆ รวมถึงการขุดรากถอนโคนต้นไม้ใหญ่ ทำงานสะอาดเก็บกวาดเรียบร้อย ขนเศษไม้ ต้นไม้ไปทิ้ง ในราคาที่ย่อมเยาว์ เข้าหน้างานตรงต่อเวลา บริการอย่างสุภาพ พร้อมให้บริการในพื้นที่โซนลาดพร้าว - รามอินทรา

ช่างไก่รับจ้างตัดต้นไม้

ทีมงานมีประสบการณ์เฉพาะด้าน

ไม่ว่าจะต้นไม้เล็ก หรือ ต้นไม้ใหญ่ สูงแค่ไหนเรียกใช้บริการทีมงานช่างไก่ได้ทันที ประเมินราคาก่อนการเริ่มงานในราคาย่อมเยาว์ ติดต่อสอบถามทางไลน์ หรือ ทางโทรศัพท์ได้ทันที

ช่างไก่รับจ้างตัดต้นไม้

ปรับพื้นที่ เคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้าง พร้อมบริการขนทิ้ง

บริการเคลียร์ริ่งพื้นที่ รับเหมาเคลียร์ริ่งพื้นที่ พื้นที่รกร้าง ต้นหญ้า ต้นไม้ใหญ่ ทำงานสะอาดเก็บกวาดเรียบร้อย ถอนราก ถอนโคนต้นไม้ พร้อมบริการขนทิ้ง

บริการ

รับจ้างตัดต้นไม้

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ : 0611021903...

รับจ้างเคลียร์พื้นที่

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ : 0611021903...

ผลงานของเรา

รีวิวลูกค้าจริงช่างไก่รับจ้างตัดต้นไม้

ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่รีวิวให้ ทางเราจะพัฒนาการให้บริการดียิ่งขึ้นค่ะ

ช่างเข้าหน้างานตรงต่อเวลามาก ราคาค่าแรงไม่แพง ช่างคุยง่ายใจดี ทีมงานมีความเป็นมืออาชีพมากครับ

Client Photo

คุณจ๊อบ / ใช้บริการตัดต้นไม้

25 ก.ค. 2567

เรียกช่างไก่และทีมงานมาเคลียร์พื้นที่ให้ก่อนการสร้างบ้านค่ะ ค่าแรงก็ไม่แพงด้วย ขนไปทิ้งให้อีก สะดวกมากเลยค่ะ

Client Photo

คุณส้ม / ใช้บริการเคลียร์พื้นที่

25 ก.ค. 2567

ต้นไม้จะสูงแค่ไหน ช่างไก่และทีมงานก็สามารถตัดให้ได้ค่ะ หลังจากเสร็จงานเก็บเศษใบไม้ เศษต้นไม้ออกไปทิ้งให้ด้วย ค่าจ้างไม่แพงค่ะ

Client Photo

คุณจุ้ย / ใช้บริการตัดต้นไม้

25 ก.ค. 2567

ช่างไก่รับจ้างตัดต้นไม้
รับตัดต้นไม้เคลียร์ริ่งพื้นที่ บริการโซนลาดพร้าว - รามอินทรา

โทรสอบถาม

ช่างไก่รับจ้างตัดต้นไม้

ข่าวสาร

25 ก.ค. 2567

วิธีปลูกต้นไม้ในบ้าน เลี้ยงยังไงให้รอด

ตอนนี้รักต้นไม้พอๆ กับการรักตัวเอง แต่แค่รักอย่างเดียวคงยังไม่พอ เพราะมันต้องเอาใจใส่และดูแลต้นไม้ด้วยสิ ถึงจะอยู่กันได้...

25 ก.ค. 2567

รวม 6 ต้นไม้มงคลฉบับ สายมู เรียกทรัพย์ เรียกโชค เพิ่มออกซิเจ...

ในช่วงเวลานี้หลายๆ คนทำงานอยู่บ้าน หรือ Work from home จึงไม่ต้องแปลกใจถ้ากระแสต้นไม้จะมาแรง แต่ถ้าจะให้ดีหลายๆ คนอาจอยา...

25 ก.ค. 2567

รู้จัก กล้วยด่าง ไม้ประดับสุดฮิต พันธุ์ไหนต้องมี ใครอยากเข้า...

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา "กล้วยด่าง" กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ไม่เพียงแต่กระแสของคนในแวดวงต...

ส่งข้อความหาเรา

ลูกค้าสามารถพิมพ์ข้อความที่ต้องการสอบถามได้จากฟอร์มด้านล่าง เมื่อทีมงานได้รับข้อความแล้ว จะติดต่อกลับลูกค้าโดยเร็วที่สุด

รับจ้างตัดต้นไม้

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ :  0611021903 ช่างไก่
ไอดีไลน์ : 0611021903
ยินดีให้บริการครับ

รับจ้างเคลียร์พื้นที่

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ :  0611021903 ช่างไก่
ไอดีไลน์ : 0611021903
ยินดีให้บริการครับ

วิธีปลูกต้นไม้ในบ้าน เลี้ยงยังไงให้รอด

ตอนนี้รักต้นไม้พอๆ กับการรักตัวเอง แต่แค่รักอย่างเดียวคงยังไม่พอ เพราะมันต้องเอาใจใส่และดูแลต้นไม้ด้วยสิ ถึงจะอยู่กันได้ตลอดรอดฝั่ง ใครชอบปลูกต้นไม้ในบ้าน แต่เอามาเลี้ยงทีไรก็ใบเหลือง ใบเหี่ยว ใบไหม้ สุดท้ายก็ตายจากกัน ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าเรายังให้เวลาและไม่รู้จักการปลูกต้นไม้ในบ้านดีพอ ไปดูวิธีเลี้ยงต้นไม้ยังไงให้รอดกันดีกว่า
1.เตรียมต้นไม้ให้พร้อม
– ลดปุ๋ย ด้วยสภาพแสงในบ้านที่น้อยกว่าด้านนอก หากใส่ปุ๋ยเยอะเกินไป ทำให้ต้นไม้ไม่แข็งแรง
– ลดการให้น้ำ พยายามรักษาให้ดินมีความชื้นปานกลางก็เพียงพอแล้ว
– ลดแสงสว่าง วางต้นไม้ให้อยู่ในที่มีแสงส่องถึงประมาณ 50 % เป็นเวลา 1-2 อาทิตย์ แล้วค่อยๆ นำไปวางในสภาพแสงน้อยประมาณ 20 % ในอีก 2-3 อาทิตย์ถัดมา จากนั้นตรวจดูโรค แมลง ทำความสะอาดใบ แล้วจึงนำไปวางในตำแหน่งที่ต้องการ

2.สังเกตต้นไม้
– หากต้นไม้ได้รับแสงมากเกินไป ใบจะซีดและเกิดจุดสีน้ำตาลเป็นหย่อมๆ
– หากได้รับแสงน้อยเกินไป ใบและกิ่งที่งอกใหม่จะลีบเล็ก ใบเก่าจะเริ่มเหลืองและหลุดร่วง
– ต้นไม้จะเอียงเข้าหาแสงสว่างเสมอ ดังนั้นต้องหมุนกระถางเพื่อให้ต้นไม้คงรูปทรงที่สวยงาม

3.การรดน้ำ
ควรรดน้ำ 1-2 อาทิตย์ต่อครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับพรรณไม้ รดให้ชุ่มทั้งกระถางดีกว่ารดน้ำเพียงเล็กน้อยทุกวัน เพราะการรดน้ำบ่อยๆ จะปิดช่องว่างของดิน ทำให้อากาศถ่ายเทได้น้อย และไม่ควรปล่อยให้ดินแห้งสนิทและมีน้ำขังบริเวณยอดไม้

4.การให้ปุ๋ย
หลังจากย้ายต้นไม้เข้าในบ้านแล้ว 6 อาทิตย์จึงเริ่มให้ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 ในอัตราส่วนเท่าๆ กันทุก 15 วัน สลับกับการให้ปุ๋ยอินทรีย์บ้างในช่วงที่นำต้นไม้ไปพักฟื้นภายนอก วิธีนี้จะช่วยไม่ให้ดินเสีย

5.การทำความสะอาด
หมั่นทำความสะอาดใบเสมอ โดยจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หรือจะล้างฝุ่นด้วยการใช้ฝักบัวก็ได้ แต่ต้องหาอะไรปิดหน้าดินเพื่อช่วยป้องกันน้ำชะหน้าดิน

อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก https://www.sanook.com/home/31065/

รวม 6 ต้นไม้มงคลฉบับ สายมู เรียกทรัพย์ เรียกโชค เพิ่มออกซิเจนให้ชีวิต

ในช่วงเวลานี้หลายๆ คนทำงานอยู่บ้าน หรือ Work from home จึงไม่ต้องแปลกใจถ้ากระแสต้นไม้จะมาแรง แต่ถ้าจะให้ดีหลายๆ คนอาจอยากได้ทั้งความสดชื่น การช่วยฟอกอากาศ และรวมไปถึงความเป็นสิริมงคลด้วย

กรมป่าไม้จึงได้ออกมาแนะนำต้นไม้มงคลสำหรับคนที่ยังทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อนำไปปลูกเสริมมงคล แถมยังช่วยเพิ่มออกซิเจนให้อีกด้วย จะมีต้นอะไรบ้างไปรู้จักต้นไม้มงคลแต่ละต้นกันได้เลย

1.ต้นกวักมรกต
ช่วยเรียกโชคลาภ เรียกทรัพย์เข้าบ้านและหากใครปลูกต้นกวักมรกตให้มีดอก จะยิ่งมีโชคลาภเข้ามามากขึ้น

2.ต้นโกสน
ต้นโกสนมีสมญานามว่า "ราชาแห่งไม้ใบ" เชื่อกันว่าหากปลูกไว้ในบ้าน จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีบารมี เสริมสร้างกุศล และทำให้อยู่เย็นเป็นสุข

3.ต้นวาสนา
 เชื่อกันว่าบ้านไหนดูแลรดน้ำอย่างดี และสามารถปลูกต้นวาสนาให้ออกดอกได้ ผู้อยู่อาศัยในบ้านนั้นจะมีโชคลาภ โชคดี มีวาสนาเหมือนชื่อของต้น

4.ต้นกวนอิมเงิน
เป็นต้นไม้มงคลรวยทรัพย์ หากบ้านไหนปลูกจะเรียกเงิน เรียกทรัพย์เข้าบ้าน คนในบ้าน จะมีฐานะที่ดีขึ้น

5.ต้นนางกวัก
ปลูกต้นนางกวัก จะเรียกเงินเรียกทองเข้าบ้านให้ผู้อยู่อาศัยรวยยิ่งๆ ขึ้นไป และยังกวักโชคดีเข้าบ้านอีกด้วย

6.ต้นโป๊ยเซียน
คำว่า "โป๊ยเซียน" หมายถึงเทพเจ้า 8 องค์ เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่หมายถึงมีสิ่งมงคลคอยคุ้มครองปกป้องคนในบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข

อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก https://www.sanook.com/home/30313/

รู้จัก กล้วยด่าง ไม้ประดับสุดฮิต พันธุ์ไหนต้องมี ใครอยากเข้าวงการต้องรู้

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา "กล้วยด่าง" กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ไม่เพียงแต่กระแสของคนในแวดวงต้นไม้เท่านั้น แต่ข่าวเกี่ยวกับกล้วยด่าง ยังกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของราคาขายที่ทะลุไปถึงหลักล้าน

สำหรับคนในแวดวงต้นไม้ หรือคนสะสมกล้วยด่างน่าจะทราบเกี่ยวกับเรื่องของกล้วยด่างอยู่แล้วแต่คนทั่วไปอาจสงสัยว่ากล้วยด่างคืออะไร กล้วยด่างมีพันธุ์ไหนบ้าง และเพราะทำไรกล้วยด่างจึงมีราคาสูง มาค่อยๆ ทำความรู้จักกล้วยด่างกันดีกว่า

รู้จักกล้วยด่าง
กล้วยด่าง หรือ  Musa ชื่อทางวิทยาศาสตร์ เป็นพันธุ์ไม้ลำต้นเทียมสูง 2.0-3.0 เมตร ให้หน่อด่างเมื่อลำต้นใหญ่ขึ้นจะมีสีเขียวอมชมพู แผ่นใบใหญ่ โคนก้านใบสีชมพูอ่อน ปลีสีแดงคล้ำ มีนวล รูปค่อนข้างเรียว เครือหนึ่งมี 4-5 หวีๆ หนึ่งมี 10-16 ผล รูปผลโค้งงอปลายสอบเรียว ผิวสีด่างขาวเขียวหรืออมชมพู รสชาติคล้ายกล้วยไข่ แต่มีรสอมเปรี้ยวไม่มีเมล็ด สำหรับประโยชน์ของกล้วยด่างนั้นสามารถรับประทานผลสุก และนำไปปลูกเป็นไม้ประดับได้

อะไรทำให้กล้วยด่าง
ความด่างของกล้วยเกิดจากการกลายพันธุ์ในระดับพันธุกรรม เมื่อพบความด่างไม่ได้แปลว่าต้นไม้นั้นป่วย หรือเป็นไวรัส นอกจากนั้นการกลายพันธุ์ที่ว่านี้ยังเป็นการกลายพันธุ์เฉพาะจุด ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นในตำแหน่งใดบ้าง

5 กล้วยด่างมีพันธุ์ฮิต กล้วยด่างมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่จะมี 5 พันธุ์กล้วยด่างที่นิยมดังนี้

1.กล้วยด่างฟลอริดา
เป็นไม้ล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดมาจากฮาวายและหมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้สูงประมาณ 3-6 เมตร ไม่มีเนื้อไม้ ส่วนที่อยู่เหนือดินเป็น ลำต้นเทียมเกิดจากกาบใบซ้อนกันจนแน่น ใบเดี่ยวรูปช้อน ใบสีเขียวมีด่างสีขาวหรือสีเหลืองตามทางยาว หากเป็นช่วงอากาศเย็นดอกจะออกมาก ให้หน่อด่างมีผลโค้งงอปลายสอบเรียว เปลือกด่างขาวเขียวหรือชมพู วิธีขยายพันธุ์คือแยกกอ และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่เติบโตได้ดีในที่มีการระบายน้ำได้

2.กล้วยแดงอินโดด่าง
กล้วยแดงอินโดด่าง เป็นพันธุ์นำเข้าจากอินโดนีเซีย นับเป็นพันธุ์ไม้พื้นเมือง ลักษณะทั่วไปเหมือนกล้วยไทย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของฟอร์มต้น ทรงใบ การเจริญเติบโต แต่สิ่งที่แตกต่างคือใบมีสีแดงสดโดยทั่วไปใบของกล้วยแดงอินโดนั้นจะมีสีแดงทั้งต้น แต่สำหรับต้นที่มีความพิเศษนั้นกลับเป็นต้นที่มีลายด่างบนใบ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ทำให้ใบมีสีขาว สีเหลือง ฯลฯ สีอื่นๆ ปน สำหรับการปลูกกล้วยแดงอินโดด่างนั้น แม้กล้วยจะสามารถขึ้นได้ดีในบ้านเราอยู่แล้ว แต่ก็ต้องใส่ใจกับการเลือกดินที่จะปลูก ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วน ผสมกับเศษใบไม้ ดินดำ ดินภูเขาไฟ และถ้าจะให้ดีควรมีโรงเรือนเพื่อควบคุมน้ำและอุณหภูมิ ส่วนศัตรูของกล้วยแดงอินโดด่างนั้นคือตั๊กแตน ด้วง

3.กล้วยน้ำว้าด่าง
ลำต้นเทียมมีสูงไม่เกิน 3 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 15 ซม. กาบลำต้นด้านนอกสีเขียวอ่อน ก้านใบมีร่องค่อนข้างแคบแผ่นใบด่างสีขาวเขียว ก้านช่อดอกไม่มีขน ใบประดับรูปค่อนข้างป้อม ม้วนงอขึ้น ปลายมนเครืหหนึ่งมี 5-7 หวี หวีหนึ่งมี 10-16 ผล ผลใหญ่กว่ากล้วยไข่ กว้าง 3-4 ซม. ยาว 10- 13 ซม. มีเหลี่ยม ก้านผลยาว

4.กล้วยตานีด่าง
ลำต้นเทียมสูงประมาณ 4 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเทียมมากกว่า 15 ซม. สีของกาบลำต้นเทียมด้านนอกสีเขียวเข้มมีเส้นริ้วด่างขาว มีปื้นดำที่คำใบเล็กน้อย มีนวลชัดเจน กาบด้านในสีเขียว ลักษณะต้นอ่อนลำต้นสีเขียวเข้ม ไม่มีประที่ลำต้น ก้านใบปิด ก้านใบสีเขียวเข้ม มีครีบก้านใบสีเขียวขอบดำ ลักษณะใบกว้างโค้งลง โคนใบมน ตำแหน่งโคนใบทั้งสองข้างเท่ากัน ก้านช่อดอกไม่มีขน ลักษณะของใบประดับกว้าง ปลายใบประดับมน ไม่ม้วนงอ การเรียงของใบประดับเหลื่อมซ้อนกันชัดเจน ใบประดับด้านนอกสีน้ำตาลอมแดง มีไขเยอะ ด้านในโคนใบประดับสีเหลืองซีด ด้านในปลายใบประดับสีแดงอมชมพู ลักษณะทรงเครือขนานกับพื้นดิน ปลายก้านช่อดอกโค้งลง ดอกมีก้านดอกยาว ขนาดผลเล็กสั้นป้อม มีเหลี่ยมชัดเจนปลายผลมีจุกยาวชัดเจน การเรียงของผลเป็นระเบียบ จำนวนหวีต่อเครือประมาณ 7-8 หวี หวีหนึ่งมีประมาณ 8-10 ผล ผลดิบมีสีเขียวเข้ม
 มีริ้วด่างขาว เมื่อสุกเนื้อผลสีขาว มีเมล็ดมาก เมล็ดสีดำ ผนังเมล็ดหนาและแข็งประโยชน์ของคือประดับบ้าน

5.กล้วยเทพพนมด่าง
ลำต้นสูงประมาณ 3-5 เมตร ไม่มีเนื้อไม้ ส่วนที่อยู่เหนือดินเป็นลำต้นเทียมเกิดจากกาบซ้อนทับกัน กาบใบด้านนอกเป็นสีเขียว โคนกาบและกาบด้านในเป็นสีชมพู ใบสีเขียวมีลายด่างสีขาวหรือสีเหลืองขึ้นตามเส้นใบ ทางใบยาวประมาณ 3.5 เมตร แผ่นใบกว้าง ปลีสีม่วงอมเทา ด้านล่างสีแดงเข้ม ออกผลติดกันลักษณะคล้ายการพนมมือ 1 หวีมีประมาณ 16-17 ผล แต่ละผลมีเหลี่ยมชัดเจน สีเขียวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อสุก รสหวาน ไม่มีเมล็ด นิยมขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ ปลูกง่าย เติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี

นอกจากนี้ยังมีกล้วยด่างพันธุ์อื่นๆ อีกมากมายทั้ง กล้วยเล็บมือนางด่าง กล้วยหักมุกด่างกล้วยหอมแคระด่าง ฯลฯ

สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมกล้วยด่างจึงมีราคาสูงนั่นเป็นเพราะความต้องการในท้องตลาดที่มีสูงขึ้น จึงทำให้หากล้วยด่างได้ยากขึ้น เพราะจริงๆ แล้วกล้วยด่างไม่ได้เป็นความนิยมที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ในระดับโลกกล้วยด่างนั้นได้รับความนิยมมานานแล้ว ส่วนเรื่องของลวดลายความด่างก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้กล้วยด่างมีราคาสูง

อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก https://www.sanook.com/home/30377/